ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล ประธานกรรมการบริหาร กสศ. กล่าวว่า การได้ร่วมมือกับธนาคารโลกในโครงการวิจัยร่วมเพื่อลดช่องว่างด้านคุณภาพของโรงเรียนและแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำในโรงเรียนขนาดเล็กในพื้นที่ห่างไกลทุรกันดาร และการส่งเสริมทักษะ ความสามารถของเด็ก เยาวชน และกลุ่มประชากรวัยแรงงานของประเทศไทยในศตวรรษที่ 21 ซึ่งจะเป็นกลยุทธ์ด้านการพัฒนาและยกระดับทักษะให้เหมาะกับความต้องการของตลาดแรงงาน และสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศ

ระหว่างปี 2562-2566 ธนาคารโลกและกสศ. ได้ร่วมมือกันดำเนินโครงการวิจัยที่เอื้อต่อการปรับปรุงประสิทธิภาพ ความเสมอภาค และกระจายโอกาสเข้าถึงระบบการศึกษา ส่งผลให้เกิดแนวคิดที่เป็นนวัตกรรมและเครื่องมือที่เป็นประโยชน์ต่อการหารือเชิงนโยบาย และสนับสนุนประเทศไทยในการปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงระบบการศึกษาและการฝึกอบรมต่อไป

รวมถึงการพัฒนาเครื่องมือพัฒนามาตรฐานคุณภาพโรงเรียนขั้นพื้นฐาน ซึ่งครอบคลุมขอบเขตการดำเนินงาน 7 ด้าน เช่น ความเป็นผู้นำและการบริหารจัดการของโรงเรียน ความเป็นอิสระและภาระความรับผิดชอบของโรงเรียน คุณภาพและประสิทธิผลของครู และโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกของโรงเรียน มาตรฐานดังกล่าวได้รับการทดสอบกับโรงเรียนในพื้นที่ห่างไกลทุรกันดารจำนวน 275 แห่ง และจะใช้เป็นกรอบสำหรับการส่งเสริมคุณภาพของโรงเรียนเพื่อช่วยชี้นำการลงทุนด้านการศึกษาของภาครัฐในอนาคต

ดร.ไกรยส ภัทราวาท ผู้จัดการ กสศ. กล่าวว่า ผลการวิจัยเผยให้เห็นถึงความจำเป็นของการมีระบบการจัดการข้อมูลที่รัดกุมเพื่อตรวจสอบติดตามงานด้านต่างๆ ที่จำเป็นต้องปรับปรุงเพื่อลดช่องว่างการเรียนรู้ในโรงเรียนขนาดเล็กและปรับปรุงการเรียนรู้ของนักเรียน เมื่อได้รับรู้ถึงจุดแข็งและในส่วนที่ต้องปรับปรุง การสนับสนุนทรัพยากรเพิ่มเติมจะสามารถจัดสรรงบประมาณการศึกษาในอนาคตอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุดสำหรับโรงเรียนในพื้นที่ห่างไกลทุรกันดารได้ พร้อมทั้งขยายผลการสํารวจและพัฒนาทักษะและความพร้อมเยาวชนและประชากรวัยแรงงานในระดับประเทศไทย ไปสู่การสำรวจที่มุ่งเน้นใน 3 จังหวัดเป้าหมายที่เป็นโครงการจัดการศึกษาเชิงพื้นที่ของ กสศ. นอกจากนั้นยังมีโครงการการศึกษาและออกแบบการส่งเสริมการเรียนรู้ทางอารมณ์และสังคมให้กับเยาวชนในสถานศึกษาอาชีวศึกษาที่จะพัฒนาต่อไปในกรอบการดําเนินงานระยะเวลา 3 ปี

ดร. ฟาบริซิโอ ซาร์โคเน ผู้จัดการธนาคารโลกประจำประเทศไทย กล่าวว่า การมีทักษะและความสามารถที่จำเป็นเพื่อให้เข้าสู่ระบบการจ้างงานอย่างมีคุณภาพสามารถช่วยให้พวกเขามีอนาคตที่ดีขึ้นได้ และยังช่วยให้กลุ่มประชากรที่ยากจนหลุดพ้นจากวงจรความยากจนได้ จากนี้ไป การลงทุนเพื่อปฏิรูปขจัดความไม่เท่าเทียมและความไร้ประสิทธิภาพในการจัดสรรทรัพยากร รวมถึงการปรับปรุงประสบการณ์การเรียนรู้ในสถานศึกษาและการฝึกอบรมจะมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการแสดงศักยภาพในการพัฒนาทรัพยากรบุคคลของประเทศไทย

ที่มา workpointtoday

 

ติดตามข่าวสารต่างๆ ได้ที่  globalfreemasonry.com